มัธยมซอมบี้’ สะท้อนชีวิตเด็กมัธยมประเทศเกาหลี
All of Us Are Dead หรือ มัธยมซอมบี้ เป็น Netflix Original Series ที่ติดอันดับ Netflix top 10 ใน 91 ประเทศทั่วทั้งโลกภายหลังจากออกฉาย ด้วยเรื่องราวที่บันเทิงใจเชิญชวนลุ้น ซึ่งมีทั้งยังการหนีตาย ความรักวัยรุ่น ปัญหาชีวิตของแต่ละผู้แสดง ถึงจะมีบางจุดที่เชิญให้ขัดใจกับผู้แสดงรวมทั้งแนวทางของเรื่องอยู่บ้างแต่ว่าก็อดไม่ได้ที่จะจำต้องกดมองตอนหน้าต่อจนกระทั่งจบ เพราะเหตุว่าความสนุกสนานเชิญให้อินของเรื่องมิได้ผูกอยู่เพียงแค่ที่นักแสดงและก็การตัดสินใจของพวกเขา แม้กระนั้นการที่เรื่องสะท้อนให้มองเห็นชีวิตของผู้เรียนแล้วก็สังคมประเทศเกาหลีได้อย่างน่าดึงดูด ว่าซอมบี้ในเรื่องมิได้มีสาเหตุมาจากวิทยาศาสตร์รวมทั้งการทดสอบเพียงแค่นั้น แต่ว่ามีสาเหตุจากสภาพสังคมที่มีความร้ายแรง บีบคั้นและก็กัดรับประทานวิญญาณของเยาวชน จนถึงเหลือเพียงเพียงแต่ความหวาดกลัวแล้วก็ความดิ้นรนเอาชีวิตรอด รวมทั้งคนแก่ที่นิ่งเฉยต่อปัญหาก็เป็นมุมมองที่น่าดึงดูดอีกเช่นเดียวกัน ยิ่งไปกว่านี้ยังมีการใช้สัญญลักษณ์ที่เชิญชวนให้ระลึกถึงเหตุเรือเซวอลล่ม ซึ่งเป็นเรื่องโศกเศร้าครั้งใหญ่ที่ลากไส้ให้มองเห็นความผิดพลาดของการจัดการ รวมทั้งผลพวงตกหนักอยู่ที่เยาวชน
บทความตั้งแต่นี้ต่อไปมีการเผยรายละเอียดเล็กน้อยของเรื่อง
รายละเอียดของ ‘All of Us Are Dead’ มัธยมซอมบี้ ซีรีย์รีวิว ก็ตรงกับชื่อ เป็นเกิดเรื่องราวของเด็กนักเรียนในโรงเรียนมัธยมศึกษาปลาย ที่จำต้องหนีจากเพื่อนฝูงที่แปลงเป็นซอมบี้ภายหลังมีนักเรียนผู้ติดโรคผู้ที่หนึ่งโดนหนูในห้องวิทยาศาสตร์กัดทำให้มีการแพร่ระบาดในสถานที่เรียนไปจนกระทั่งนอกสถานศึกษา ทำให้คนที่คงเหลืออยู่ต้องหาทางเอาชีวิตรอดเมื่อไม่มีโทรศัพท์ หรือแม้กระทั้งของกิน และก็คนแก่ไม่อาจจะเป็นที่พึ่งพิงของพวกเขาได้เลย และก็ผู้ชมก็จะต้องรอลุ้นว่าพวกเขาจะผ่านปัญหากลุ่มนี้ไปได้ยังไง
เมื่อซีรีส์ออกฉากมีหลายเสียงใน social media ที่ได้กล่าวถึงการที่ส่วนประกอบบางสิ่งบางอย่างในซีรีส์เชิญรำลึกถึงเรื่องเรื่องโศกเศร้าเรือเซวอล และก็เมื่อพวกเราคิดกลับไปและก็อ่านข้อมูลอื่นๆ ก็ยิ่งทำให้เห็นภาพสะท้อนนั้นกระจ่างขึ้นในเรื่องรวมทั้งผู้แสดง อย่างคุณครู และก็ คนแก่ที่ละเลยเยาวชนเพื่อประโยชน์ส่วนตน ไปจนกระทั่งริบบิ้นที่ใช้ไว้อาลัย ซึ่งบางทีก็อาจจะกำลังสะท้อนให้มีความคิดเห็นว่าทั้งคู่เรื่องโศกเศร้ามีสาเหตุมาจากเรื่องเดียวกันเป็น

● ผลตอบแทนและก็ความเห็นแก่ได้ที่มาก่อนชีวิตเยาวชน
การเลือกให้จุดกำเนิดของเรื่องที่ทุกคนในเมืองแปลงเป็นซอมบี้มีต้นเหตุที่เกิดจากเรื่องที่ดูเหมือนจะเล็กๆที่คนที่อยู่ในอำนาจละเลย ซุกไว้ใต้ประพรมเพื่อไว้หน้าและก็ตำแหน่งของตนเอง คล้ายกับสถานะการณ์เรือเซวอลล่มตรงที่มันเร่ิมต้นมาจากความเพิกเฉยด้วยเหมือนกัน เร่ิมมาตั้งแต่การผ่านใบอนุมัติทั้งๆที่เรือได้ถูกเอามาปรับปรุงแก้ไขดัดแปลงอย่างไม่ถูกกฏหมาย เพื่อสามารถขนส่งผลิตภัณฑ์ได้มากขึ้น และเรือมิได้รับการสำรวจความปลอดภัยอย่างเคร่งครัดอีกด้วย ความเพิกเฉยที่เป็นสาเหตุของเรื่องเศร้าเรือเซวอลก็อย่างกับที่ตอนคุณครูวิทยศาสตร์มานะเรียกร้องความยุติธรรมให้กับลูกของตนเองที่โดนรังควาน แต่โดนเมินหน้า คนไม่ใช่น้อยคิดว่ามันเกิดเรื่องบางส่วน แต่ว่าเรื่องที่ถูกเห็นว่าคือปัญหาน้อยกลับมีผลพรั่งพร้อม
นักแสดงอาจารย์ใหญ่ที่ห้ามไม่ให้แจ้งบุคคลภายนอกตั้งแต่เรื่องเริ่มและก็ให้เด็กนักเรียนกลับไปอยู่ข้างในห้องเรียน ซ้ำภายหลังที่เหตุแย่ลงกว่าเดิมเกินควบคุม เขายังสั่งให้ผู้เรียนเสี่ยงไปเอารถยนต์เพื่อเขาหนี ก็เชิญให้ระลึกถึงเหตุในเรือเซวอลที่ทั้งๆที่มีในเวลาที่จะอพยบผู้โดยสารออกมาได้แม้กระนั้นกัปตันเรือก็มิได้สั่งให้อพยบ จนถึงมีนักเรียนมากมายก่ายกองที่คอยคำบัญชาจำต้องเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจ แล้วก็ถึงแม้ว่าจะมีการอ้างถึงว่าระบบกระจายเสียงเสีย แต่ว่าการที่กัปตันรวมทั้งลูกเรือหนีเอาชีวิตรอดออกมาก่อนเป็นกรุ๊ปแรก โดยไม่เตือนแม้กระทั้งเด็กนักเรียนที่อยู่ข้างบนรวมทั้งสหายร่วมงานที่อยู่ในห้องซึ่งพวกเขาจำเป็นต้องเดินผ่านก่อนหนีออกมาจากเรือ ก็สะท้อนให้มองเห็นการเลิกหน้าที่ความเห็นแก่ได้ถึงระดับสูงสุดของหัวหน้าที่เป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ทั้งหมดทุกอย่างมาถึงจุดนี้ เหมือนกับในซีรีส์
● คุณครูผู้สละตน
แต่ว่าในกลุ่มคนแก่ที่เห็นแก่ตัวก็ยังมีอาจารย์ที่สละตน ในเรือเซวอลมีอาจารย์คนจำนวนไม่น้อยที่ทำหน้าครั้งจนกระทั่งวินาทีท้ายที่สุดจนถึงร่างของพวกเขาจมหายไปโดยใครอีกหลายๆคนไม่ได้หวนกลับจากสมุทรจนกระทั่งทุกๆวันนี้ เหมือนกับอาจารย์พัคในเรื่องที่สละชีวิตตนเองเพื่อช่วยเหลือผู้เรียน
● ความช้าของทางการรวมทั้งการเลิกเยาวชน
ในซีรีส์เหล่าเด็กนักเรียนได้เพียรพยายามติดต่อขอร้องทุกทาง แม้กระนั้นก็ไม่มีผู้ใดตอบรับ หรือมีบ่อยมากที่มีคนเข้ามาช่วยเหลือแต่ว่าในที่สุดก็ตกลงใจทิ้งพวกเขาด้วยเหตุผลต่างๆบางครั้งอาจจะกำลังสะท้อนความชักช้าของทางการที่ทำให้มีคนเสียชีวิตเยอะมากๆกว่าครั้งควรจะของเรื่องราวบนเรือเซวอล ดังเช่นการที่หน่วยยามริมฝั่งมิได้พร้อมให้ความให้การช่วยเหลือโดยทันที กระทั่งผ่านโกลเด้นไทม์หรือตอนโอกาสทองที่ผู้ประสพภัยจะมีสิทธิ์มีชีวิตรอดเยอะที่สุดไป หรือการที่ยามริมตลิ่งเลือกช่วยแม้กระนั้นเด็กนักเรียนที่กระโจนลงมาในน้ำจนกระทั่งมีเสียงวิบรรยายวิภาควิจารณ์จากทั้งยังประชากรรวมทั้งผู้มีชีวิตรอดถึงการช่วยเหลือเกื้อกูลที่ช้าแล้วก็ทำไม่สุดกำลัง
ทำให้มีหลายท่านที่เชื่อคำบัญชาแรกให้รอคอยการช่วยเหลือจมไปพร้อมเรือ อย่างเช่น ผู้มีชีวิตรอดด้วยการกู้ยืมภัยทางเฮลิคอปเตอร์ ที่ออกมาบอกว่าถ้าเกิดมีเพียงแค่สักคนหย่อนยานเชือกไปให้เด็กที่ติดอยู่ในเรือเกาะป่ายปีนออกมาน่าจะมีคนรอดพ้นจากความตายมากยิ่งกว่านี้ ก็เชิญในรำลึกถึงฉากที่มีเฮลิคอปเตอร์เข้ามาถึงสถานศึกษา กลับทิ้งกรุ๊ปเด็กนักเรียนไว้เพราะว่ากลัวการได้รับเชื้อ เรื่องราวในเรื่องมีคนเสียชีวิตเป็นเด็กนักเรียนเยอะแยะ เหมือนกับสถานะการณ์เรื่องโศกเศร้ารือเซวอลมีคนตาย 250 จาก 304 คน ที่เป็นเด็กนักเรียนมัธยม
● ใจความในที่สุด แล้วก็ริบบิ้นไว้อาลัยสีเหลือง
วิดีโอที่ผู้เรียนอัดกันและก็ริบบิ้นสีเหลืองที่ผูกไว้เพื่อไว้อาลัยในเรื่อง ก็เชิญชวนให้คิดถึงสถานะการณ์จริงที่ผู้เรียนอัดใจความท้ายที่สุดไว้ก่อนที่จะเสียชีวิตในเรือ รวมทั้งริบบิ้นสีเหลืองที่ผูกไว้ข้างรั้วเพื่อคนึงถึงคนที่หายและก็จากไปจากสถานะการณ์ก็พาให้คิดถึงริบบิ้นเหลือที่ถูกผูกไว้ที่รั้วใกล้เรียนมัธยมดาวอนซึ่งเป็นสถานศึกษาของเด็กๆในสถานะการณ์เรือเซวอล ริบบิ้นเหลืองนี้เป็นสัญญลักษณ์ของความคาดหมายว่าจะมีผู้รอดพ้นจากความตาย แม้กระนั้นความเศร้าหมองแปลงเป็นความโกรธเคือง แล้วก็ในตอนหลังริบบิ้นเหลืองก็ได้เปลี่ยนเป็นสัญญลักษณ์ที่ใช้สำหรับในการต้านผู้นำพัคกึนฮเยหนมีอำนาจอยู่เวลานี้ แล้วก็นำมาซึ่งการทำให้คุณโดนเปิดเผย ปลดจากตำแหน่ง แล้วก็ถูกฟ้องร้องสุดท้าย
● ผลพวงข้างหลังเรื่องเศร้ารวมทั้งโลกที่มิได้แปรไป
ในเรื่องเรื่องเบาๆคลี่คลายไปโดยที่ปัจจัยมิได้ถูกซักถามให้ดีแล้วก็กระจ่าง เหมือนกันกับเรื่องโศกเศร้าเรือเซวอล ที่แม้ว่าจะมีการเผยถึงปัจจัยเล็กน้อย แล้วก็มีคนที่เกี่ยวโยงถูกลงโทษ แม้กระนั้นเสมือนจะมิได้มีอะไรเปลี่ยนไปๆมาๆกนัก บทความจาก New York Times กล่าวมาว่าข้างหลังเรื่องมีการสำรวจและก็ข้อบัญญัติโทษที่เอาจริงเอาจังขึ้น สำหรับในการทุจริตน้ำหนักโกดังบนเรือ แต่ว่าการพิจารณาโดยข้าราชการ และก็ความเคลื่อนไหวหลายประเภทที่ถูกไม่ยอมรับด้วยปัญหาเกี่ยวกับค่าครองชีพ ทำให้ยังมีของแหว่งสำหรับเพื่อการโกง แล้วก็มีการเสี่ยงที่จะกำเนิดเรื่องโศกเศร้าซ้ำอยู่ ยิ่งไปกว่านี้ยังไม่มีบทกำหนดโทษสำหรับหน่วยงานด้านช่วยเหลือสถานที่ทำงานชักช้าจนถึงมีคนเสียชีวิต เหมือนกันกับในซีรีส์ที่ข่าวสารออกมาพูดว่ายังไม่สามารถที่จะแสวงหาตัวการของเชื้อโรคได้ในขณะที่ต้นเหตุที่จริงจริงแล้วจุดเริ่มต้นนั้นอยู่ที่ความอ่อนแอของกฏหมายและก็ผู้บังคับใช้อำนาจจนถึงเยาวชนจะต้องมารับกรรม
‘ผู้ใดกันแน่เป็นคนสร้างโลกอย่างงี้ล่ะ หากเฉยเมยกับการใช้ความร้ายแรงนิดหน่อยในที่สุดโลกก็จะถูกความร้ายแรงครอบครอง ผมเตือนเป็นร้อยครั้งแล้ว แต่ว่าไม่มีผู้ใดฟังเลย’

นอกเหนือจากการเสียดสีสังคม All of Us Are Dead ยังสะท้อนปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในสถานศึกษาที่ทำให้ชีวิต การเป็นเด็กประเทศเกาหลีทรหดไม่แพ้ในหนังซอมบี้ อย่างเรื่องปัญหาที่เกิดขึ้นกับการเหยียดหยามชนชั้น ปัญหาท้องในวัยศึกษา แรงกดดันสำหรับเพื่อการสร้างอนาคตแล้วก็เข้ามหาวิทยาลัย แม้กระนั้นข้อความสำคัญที่เด่นที่สุดแน่ๆว่าควรจะเป็นการการบูลลี่ที่เป็นกระแสในประเทศเกาหลีตั้งแต่ครั้งข่าวสารเรื่องนักวอลเลย์ฝาแฝดหญิงใช้กำลังในสถานศึกษา และก็ยังคงเป็นหลักสำคัญที่ผุดขึ้นมาเรื่อยอย่างสม่ำเสมอด้วยกระแสแบนศิลปินเพราะว่าหัวข้อการใช้กำลังในสมัยก่อน จนกระทั่งปัจจุบันที่มีนักวอลลเลย์บอลชาย ‘คิมอินฮยอก’ ฆ่าตัวตายด้วยเหตุว่าเสียงวิบรรยายวิภาควิจารณ์ในเน็ต
ปัญหานี้ถูกเสนอตั้งแต่ต้นเรื่อง ผ่านทางผู้แสดง ‘จินซู’ ลูกของอาจารย์วิทยาศาสตร์โดนรังแกอีกทั้งทางร่างกายและก็จิตใจ ซ้ำยังถูกซ้ำเติมด้วยการเย็นชาจากคนแก่แล้วก็ผู้มีอิทธิพล เพราะว่าอยากปกป้องรักษาผลตอบแทนของตนเอง เมื่อพึ่งคนไหนมิได้บิดาของเขาที่เป็นคุณครูวิทยศาสตร์อัจริยะก็เลยสร้างสรรค์รวมทั้งทดสอบฉีดยาเพิ่มความเก่งกล้ากับลูกตนเอง เพื่อลูกคิดจะสู้แทนที่จะคิดหนีด้วยการฆ่าตัวตาย กระทั่งลูกชายแปลงเป็นซอมบี้ การที่สารเริ่มของซอมบี้ที่เป็นฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนที่กำลังพุ่งด้วยความหวาดกลัวถึงขีดสูงสุด บางทีก็อาจจะเป็นสัญญลักษณ์ที่สะท้อนให้มีความเห็นว่าการที่เด็กคนหนึ่งแปลงเป็นซอมบี้ที่กัดรับประทาน รังควานคนอื่นๆไม่เลือกหน้า เป็นเพราะเหตุว่าความหวาดกลัวแล้วก็การสู้ทนเพื่อจะเอาชีวิตรอดเพียงแค่นั้น แล้วก็สิ่งที่จินซูแล้วก็ผู้เรียนอีกคนจำนวนไม่น้อยในเรื่องจะต้องพบเจอก็ไม่ได้มีความแตกต่างกับเด็กนักเรียนมากไม่น้อยเลยทีเดียวในประเทศเกาหลีใต้
บทความจาก Korea Herald เมื่อปี 2019 กล่าวมาว่าสถิติการใช้ความร้ายแรงในสถานที่เรียนนั้นสูงมากขึ้นเรื่อยจากปีกลายๆโดยในปี 2019 มีนักเรียก 1.6% (ราวๆ 60,000 คน) จากผู้เรียน 3.72 ล้านผู้ที่ตอบแบบสำรวจ ที่กล่าวว่าพวกเขาเป็นเหยื่อของการใช้ความร้ายแรงในสถานที่เรียน จำนวนมากเกิดขึ้นกับผู้เรียนในวัยประถมศึกษา โดยผู้ใช้ความร้ายแรงเป็นเพื่อนร่วมห้อง (48.7%) ตามมาด้วย เพื่อนที่เรียนห้องเดียวกันแต่ว่าต่างห้อง (30.1%) แล้วก็สถานที่เกินเหตุชั้น 1 แล้วก็ 2 เป็นห้องเรียนรวมทั้งฟุตบาท แต่ว่าสำหรับเด็กนักเรียนมัธยม ชั้นสามจะอยู่บนโลกอินเตอร์เน็ตในต้นแบบ cyberbullying ส่วนผู้กระทำลั่นแกล้งที่เป็นที่เผชิญได้มากที่สุด เป็นการฝ่าฝืนทางคำพูด (verbal abuse) รุมแกล้ง (group bullying) แกล้งทางอินเทอร์เน็ต (cyberbullying) สะกดรอยตาม (stalking) ประทุษร้าย (physical abuse)

นอกเหนือจากนี้ยังมีอันอื่นที่รองลงมาอย่าง การขู่เข็นข่มขู่ บังคับให้ทำธุระให้ รวมทั้งการก่ออาชญากรรมทางเพศอีกด้วย ถึงแม้การรุมแกล้งจะมาเป็นเบอร์สอง สล็อต เครดิตฟรี ไม่ต้องแชร์ แม้กระนั้นเป็นการแกล้งที่มีสถิติเติบโตสูงที่สุด โดยมีเยอะขึ้นจากปีกลายถึง 6% ซึ่งเกิดเรื่องน่าวิตกเนื่องมาจากการรุมแกล้งบางทีอาจก่อให้เกิดผู้กระทำลั่นแกล้งแบบอย่างอื่นๆรวมกัน เนื่องจาก 41.4% ของผู้เรียนที่เคยโดนรุมแกล้งกล่าวว่าพวกเขาเคยโดยล่วงละเมิดทางคำพูด รวมทั้ง 14.7% ยังโดนแกล้งทางออนไลน์อีกด้วย สลอตออนไลน์
ซอมบี้ในเรื่องก็เลยบางทีอาจจะเป็นผู้แทนของวัยตรงกลาง ทางแยกของชีวิตที่จะระบุชะตาว่าพวกเขาจะรอดไหมขึ้นกับตัวพวกเขาเอง รวมทั้งแม้มีคนแก่ที่ดีรอช่วยเหลือแนะนำ คุ้มครองพวกเขาเช่นเดียวกับที่บิดาของอนโจป้องกันบุตรสาว พวกเขาก็บางทีอาจจะผ่านช่วงนี้ไปได้
บทพูดระหว่างสองผู้แสดงในเรื่องรวมทั้งการที่ตอนสุดท้าย จบท้ายด้วยผู้แสดงที่เป็น ‘เสี้ยวบี้’ หรือลูกครึ่งคนกับซอมบี้ ก็เลยเป็นการย้ำให้มองเห็นจุดสำคัญของการดูแลหัวใจของเยาวชนที่เป็นอนาคตของชาติ เนื่องจากว่าพวกเขาจะเติบโตเปลี่ยนร่างเป็นอสุรกายไหมนั้น ขึ้นกับคนแก่และก็สังคมที่ล้อมเขาไว้นั่นเอง
ซีรีย์น่าสนใจ : Start Up สตาร์ทอัพ